งาช้าง แกะสลักและวิธีทำความสะอาดงาช้าง
งาช้าง แกะสลัก หรือ งาช้างจำหลัก ปัจจุบันแทบหาไม่มีอีกแล้ว เพราะงาช้างเป็นของต้องห้าม ไม่สามารถนำมาแกะสลักได้ดังแต่ก่อน จะมีบ้างเมื่อชาวบ้านได้งาช้าง จากช้างที่ล้ม หรือ ตาย ซึ่งจะนำมาแกะสลักเป็นพระ หรือเครื่องรางของขลังเล็กๆ
งา เป็นฟันหน้า ซึ่งงอกออกจากปากช้าง มีลักษณะกลม ยาว งอน สีค่อนข้างขาว คนไทยเรียก งาที่มีลักษณะใหญ่ว่า งาปลี และงาที่มีลักษณะยาวว่า งาเครือ งาช้างขนาดใหญ่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 12 เซนติเมตร งาช้างนับว่าเป็นสิ่งมีค่า คนจึงนำไปตกแต่งอาคารบ้านเรือน เพื่อเสริมฐานะ และเกียรติ
งาช้างมีเนื้อไม่แข็งมากนัก จึงนิยมนำมาแกะสลักเป็นสิ่งต่างๆ งาช้างที่มีขนาดใหญ่มักถูกเก็บรักษาไว้ในสภาพเดิม ให้มีความเงางาม ตั้งไว้บนฐาน ส่วนงาที่มีขนาดเล็ก หรือมีตำหนิ มักนำมาแกะสลัก เป็นเครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องประดับ ตลอดจนเครื่องราง ของขลังต่างๆ เช่น นางกวัก พระพุทธรูป เป็นต้น
งาที่นำมาแกะเป็นเครื่องรางของขลัง และพระพุทธรูป มักนำไปปลุกเสกก่อนนำไปใช้ เพื่อความเป็นสิริมงคล ตามความเชื่อทางไสยศาสตร์ งาที่ใช้สำหรับแกะสลักพระพุทธรูปมักใช้ปลายงาที่ต้น ซึ่งใช้แกะเป็นพระพุทธรูปได้ดี
ชาวจีนนิยมนำงาช้างมาทำตะเกียบ เพราะนอกจากสวยงามแล้ว ตะเกียบงายังป้องกันการใส่ยาพิษในอาหารได้ด้วย โดยจะทำปฎิกิริยากับอาหารที่มีพิษเท่านั้น ชาวไทยนิยมนำงามาแกะสลัก ฉลุเป็นลวดลาย ตกแต่งสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ เช่น นำมาประดับตกแต่งเป็นเครื่องดนตรี , ทำด้ามอาวุธ ด้ามมีด กริช เป็นต้น
ปัจจุบัน ช่างแกะสลักงาช้างยังพอมีอยู่บ้างที่อำเภอ พยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ การแกะงาแบบชาวบ้านไม่วิจิตรพิสดารเหมือนงาที่แกะสลักโดยช่างหลวงสมัยก่อน เครื่องมือที่ใช้แกะ เป็นเครื่องมือพื้นบ้านทั่วไป เช่น สิ่ว เลื่อย ตะไบ เครื่องเจาะ เป็นต้น ช่างแกะงาที่พยุหะคีรี เป็นเพียงชาวไร่ ชาวนา ที่ใช้เวลาว่างจากการงานในไร่นา เพื่อเป็นรายได้พิเศษเท่านั้น งาที่ใช้แกะสลัก ส่วนมากได้จากภาคเหนือ อีสาน ซึ่งเป็นถิ่นการเลี้ยงช้างจำนวนมาก เมื่อช้างตายลง เจ้าของจึงตัดงาขาย ส่วนการฆ่าช้างเอางาช้างดังแต่ก่อน คงไม่มีอีกแล้ว งาช้างจึงหาได้ยาก และมีราคาแพงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ช่างแกะงาที่มีอาชีพนี้มาแต่โบราณอาจจะต้องไปประกอบอาชีพอื่น
อย่างไรก็ตาม การแกะสลักงาช้างหัตถกรรมที่มีมาเนิ่นนานมีทั้งงานประณีตศิลป์ และ หัตถกรรมชาวบ้าน ที่อาจจะสูญหายไปตามกาลเวลา เช่นเดียวกับ งานฝีมือของคนไทยที่เคยมีมาในอดีต และสูญสลายไปแล้ว
ที่มา : ศิลปะชาวบ้าน folk art
เขียนโดย : วิบูลย์ ลี้สุวรรณวิธีทำความสะอาดงาช้าง
นอกจากงาช้างจะนิยมถูกนำมาเป็นเครื่องประดับตกแต่งบ้าน เพื่อบ่งบอกถึงฐานะและอำนาจบารมีของผู้ที่ครอบครองแล้ว บางครั้งเราอาจจะสามารถพบเห็นงาช้างในรูปแบบของเครื่องประดับตกแต่งในชุดแต่งกายต่างๆ เช่น กำไร สร้อยคอ เป็นต้น ซึ่งหากใครมีงาช้างไว้ครอบครองแล้ว ก็ควรจะดูแลและทำความสะอาดอย่างถูกวิธี เพื่อคงสภาพความสวยงามของมันให้อยู่กับเรานานที่สุด และเรามีวิธีทำความสะอาดงาช้างได้อย่างง่ายๆมาแนะนำดังนี้
ขั้นตอนแรก ใช้เกลือผสมกับน้ำมะนาว นำไปขัดถูเบาๆบนงาช้างให้ทั่ว ควรระวังอย่าขัดแรงจนเกินไปเพราะอาจเกิดความเสียหายต่อผิวของงาช้างได้
ขั้นตอนที่ 2 นำน้ำสะอาดมาผสมกับสบู่อ่อน แล้วนำไปล้างงาช้างที่ถูกขัดด้วยเกลือผสมกับมะนาวเรียบร้อยแล้ว จากนั้นนำงาช้างไปตากแดดอ่อนๆ ขณะที่ยังเปียกน้ำสบู่อยู่ ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที
ขั้นตอนสุดท้าย เมื่อตากแดดเรียบร้อยแล้ว นำไปล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งหนึ่ง พึ่งลมจนแห้งสนิท แล้วนำผ้าสักหลาดมาขัดจนเงางาม
หลายท่านอาจจะเลือกนำใบตองแห้งนำมาขัดเงาเพิ่มเติม ซึ่งขั้นตอนนี้คนโบราณเรียกว่า “นวลตอง” ซึ่งคุณสมบัติพิเศษที่ได้จากใบตองแห้ง คือสามารถเป็นวัสดุกันความชื้นตามธรรมชาติได้ ช่วยให้ผิวของงาช้างเป็นเงางามยิ่งขึ้น
วิธีทำความสะอางาช้างที่แนะนำไว้ข้างต้น เป็นวิธีที่ง่ายและประหยัด รวมถึงช่วยรักษาสภาพความงดงามของงาช้างให้ยาวนานขึ้น แต่นอกจากการใช้น้ำสบู่ทำความสะอาดแล้ว หากพบว่างาช้างมีการเปลี่ยนเป็นสีเหลืองไปตามกาลเวลา คุณก็สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการนำยาสีฟันที่เราใช้แปรงฟันทุกเช้า มาพอกทิ้งไว้บนงาช้างก่อนล้างด้วยน้ำสบู่ เพราะยาสีฟันบางสูตรที่ช่วยเร่งฟันขาวให้เราได้ ก็สามารถเร่งความขาวบนงาช้างได้เช่นเดียวกัน เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้การดูแลงาช้างของเราครบสูตรสำเร็จแล้ว
งาช้าง 1 คู่ อาจหมายถึงช้าง 1 ชีวิต ดังนั้นยิ่งเรานิยมนำงาช้างมาประดับบ้าน ก็หมายถึงชีวิตช้างที่ถูกทำลายเพิ่มขึ้น ดังนั้นเราไม่ควรสนับสนุนการใช้งาช้างจริงเพื่อการประดับบ้าน แต่ควรใช้งาช้างสังเคราะห์ที่มนุษย์ทำขึ้นเองดีกว่า
ที่มา : http://www.เกร็ดความรู้.net/วิธีทำความสะอาดงาช้าง/
เม้นๆ
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบลาววว
ตอบลบสุดยอด
ตอบลบไม่เอา
ตอบลบ